แม้ฟันปลอม จะช่วยให้สามารถดำรงชีวิตได้เป็นปกติในการทานอาหาร หรือในด้านความสวยงาม แต่ฟันปลอมก็เป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกายที่ต้องอาศัยการปรับตัว ปรับพฤติกรรม เพื่อที่จะสามารถใส่ฟันปลอมให้เปรียบเสมือนอวัยวะหนึ่งของร่างกายได้
เมื่อคุณเพิ่งเริ่มใส่ฟันปลอม
คำแนะนำหากคุณเพิ่งเริ่มใส่ฟันปลอม มีดังนี้
- คุณต้องอาศัยเวลาในการสร้างความคุ้นเคยกับฟันปลอม โดยต้องระมัดระวังในขณะหาว จาม หรือไอ เป็นต้น เพราะฟันปลอมอาจหลุดออกมาได้
- อาจมีน้ำลายออกมามากกว่าปกติ ซึ่งสามารถแก้ได้โดยการอมลูกอมเพื่อช่วยให้กลืนน้ำลายได้ง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 สัปดาห์ก็จะดีขึ้น
- ดื่มน้ำบ่อยๆ เมื่อรู้สึกปากแห้ง และเป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อปรับตัวเข้ากับฟันปลอม
การรับประทานอาหารเมื่อใส่ฟันปลอม
- งดอาหารเม็ดเล็กๆ เช่น ถั่วบด น้ำตาลทราย พริกป่น เป็นต้น เพราะอาจติดเข้าไปใต้ฟันปลอมและเกิดการอักเสบได้
- ออกแรงเคี้ยวอาหารมากขึ้น
- เคี้ยวให้ช้า และเคี้ยวด้วยฟันกรามหลังพร้อมกันทั้งสองข้าง
- อย่าเคี้ยวอาหารหรือกัดด้วยฟันหน้า ควรใช้ฟันเขี้ยวหรือฟันกรามแทน
- เข้าใจว่าในระยะแรกมักรับรสได้น้อยลง หรือรสชาติเปลี่ยนไป ซึ่งอาการนี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ
การรักษาสุขภาพช่องปาก
- รักษาความสะอาดของช่องปากอยู่เสมอ
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ และไม่ทานอาหารแข็งๆ เหนียวๆ และติดฟันได้ง่าย
- ควรถอดฟันปลอมออกบ้าง เพื่อให้เนื้อเยื่อปากได้พัก เพื่อป้องกันการอักเสบ
แม้ฟันปลอมจะเป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข ดังนั้น การดูแลเอาใจใส่ฟันปลอมให้สะอาดอยู่เสมอ และปรับตัวให้เข้ากับการใส่ฟันปลอมให้ได้ คุณก็จะสามารถมีสุขภาพในช่องปากที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ในวัยสูงอายุ การเคลื่อนไหวร่างกายทำได้ช้าลง และยากลำบากขึ้น การมองเห็นก็ไม่ชัด
ความรู้สึกที่ผู้สูงอายุมักคิดอยู่ในใจเสมอ คือตนเป็นคนที่ไร้ค่าในบ้าน นอกจากจะไม่สามารถทำงาน ดูแลตนเอง
ผู้สูงอายุจำนวนมาก เมื่อก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ มักพบว่าตนเองมีโรคประจำตัวต่างๆ มาด้
อาการเบื่ออาหาร เป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุมักพบเจอ ไม่ว่าจะทานอะไรก็ไม่อร่อย หรือมีความ
เมื่อคุณก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ การดูแลตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งเรื่องของอาหารการกิ
ฟันปลอม นับเป็นหนึ่งในไอเท็มเสริมของผู้สูงอายุ ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก ฟันปลอมมี