โรคเบาหวาน เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิต เกิดจากความผิดปกจิของร่างกาย จนทำให้น้ำตาลเหลือคั่งในเลือดสูงมากกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากพันธุกรรม และการใช้ชีวิต
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรค
- โรคอ้วน และน้ำหนักตัวเกิน
- ไม่ออกกำลังกาย ทำให้การเผาผลาญไม่ดี
- พันธุกรรม
- เชื้อชาติ
- อายุมาก เนื่องจากเมื่ออายุมากเซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะเสื่อมถอยลง และขาดการออกกำลังกายร่วมด้วย
- มีไขมันในเลือดสูง
- มีความดันโลหิตสูง
อาการของโรค
อาการหลักคือ หิวบ่อย กระหายน้ำ และปัสสาวะมากและบ่อย เหนื่อยอ่อนเพลีย ผิวแห้ง คัน ตาแห้ง มีอาการชาหรือเจ็บแปลบที่ปลายเท้า ผอมลงโดยไม่ทราบสาเหตุ แผลหายช้า และสายตาพร่ามัว
การดูแลตนเอง
เมื่อเป็นโรคเบาหวาน ควรเอาใจใส่ดูแลตนเอง ดังนี้
- ปฏิบัติตามแพทย์สั่ง ทั้งคำแนะนำ การฉีดวัคซีน และการทานยา
- ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม และควบคุมโรคต่างๆ ร่วมด้วย
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ จำกัดแป้ง น้ำตาล ไขมัน รสเค็ม และเพิ่มผักผลไม้
- รู้จักผลข้างเคียงจากยาเบาหวาน และการดูแลตนเองที่สำคัญ
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน และสุขภาพเท้าเป็นพิเศษ
- เลิกสูบบุหรี่ ดื่มสุรา
- ไม่ซื้อยาทานเอง และไม่ใช้ยาสมุนไพรคู่กับยาเบาหวาน เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้
- หมั่นพบจักษุแพทย์ เพื่อป้องกันเบาหวานขึ้นตา และอาจตาบอดได้
การป้องกันเบาหวาน
สามารถทำได้โดยดูแลตนเองอย่างดีในการกิน การออกกำลังกาย และลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว นอกจากนี้ เมื่ออายุ 30 ปี ควรตรวจเลือดเพื่อดูน้ำตาลในเลือด จะได้ควบคุมและรักษาได้แต่เนิ่นๆ
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุใด หรือมีสภาพร่างกายเป็นอย่างไร การออกกำลังกาย ก็ยังคงเป็นกิจกรรมที่สำคัญ แล
แม้ตัวเลขจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมาพร้อมกับความเสื่อมของร่างกาย แต่
ผิวแห้งแตกสามารถเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง และหากเกิดการดูแล
วัยสูงอายุ แท้จริงเริ่มจากวัยที่อายุ 40 ปีขึ้นไป แต่เรามักเรียกผู้นั้นว่าสูงอายุจริง
ไม่ว่าจะพูดถึงบทความเกี่ยวกับผู้สูงอายุใดก็ตาม เรามักเห็นว่าโภชนาการที่ดี เป็นสิ
เมื่อมองดูตนเองเมื่อไร ก็รู้สึกว่าเริ่มมีริ้วรอย ตีนกาเพิ่มมากขึ้นไปทุกที กลับมามองอ